เอ่ยถึงโรค “เส้นเลือดขอด” เชื่อแน่ว่าสาวๆ ทั้งหลายคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตนเอง เพราะนอกจากจะบั่นทอนความมั่นใจในเรื่องของความสวยความงามแล้ว ยังปิดโอกาสที่จะได้ใส่กางเกงขาสั้นอวดขาสวยอีกด้วย แต่สำหรับบางคนก็ถือเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงปัญหานี้!!
นพ.ภิเษก บุญธรรม ศัลยแพทย์หลอดเลือด โรงพยาบาลพญาไท 2 อธิบายถึงสาเหตุการเกิดโรคดังกล่าวว่า โรคเส้นเลือดขอด เป็นโรคในระบบเส้นเลือดดำที่มีความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับลิ้นของหลอดเลือดดำ โดยมากมักพบบริเวณขา โคนขา ขาพับ ตาตุ่ม ซึ่งลิ้นดังกล่าวทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เกิดการไหลย้อนกลับของเลือดและทำให้เลือดสามารถไหลกลับขึ้นไปยังส่วนบนของร่างกายได้
“เมื่อลิ้นของหลอดเลือดดำทำงานไม่เป็นปกติจะทำให้มีเลือดส่วนหนึ่งไหลย้อนกลับมาสู่หลอดเลือดดำและเกิดการคั่งอยู่ที่บริเวณนั้น แม้ว่าในระยะแรก แรงต้านทานของหลอดเลือดดำยังสามารถช่วยไม่ให้เกิดการโป่งพองของหลอดเลือดได้อยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปความสามารถในการต้านทานของหลอดเลือดดำจะลดลง ทำให้เกิดการโป่งพองและมองเห็นเป็นเส้นเลือดขอดเกิดขึ้น”
การเกิดของเส้นเลือดขอด ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่มักพบในเพศหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่มีอาชีพยืนนานๆ เช่น ครู อาจารย์ แอร์โฮสเตส หรือพนักงานขาย นอกจากนี้ยังพบว่ามาจากพันธุกรรมร่วมด้วย เช่น พ่อหรือแม่เคยเป็นโรคนี้มาก่อน จะพบได้ว่าเกิน 50 % ลูกมีโอกาสที่จะเป็นด้วย โดยสาเหตุการเกิดแบ่งเป็น 2 ลักษณะคือ เกิดจากการรั่วของเส้นเลือดดำที่อยู่ที่ผิว หรือ การอุดตันของเส้นเลือดดำที่อยู่ส่วนลึก จะเริ่มพบอาการของโรคจากพฤติกรรมที่ต้องยืน หรือนั่งนานๆ โดยเลือดดำที่บีบกลับหัวใจซึ่งจะต้องถูกบีบกลับด้วยกล้ามเนื้อขาแต่ไม่สามารถบีบกลับไปได้ จะทำให้เลือดดำคั่งอยู่บริเวณขา และแสดงออกมาทางเส้นเลือดดำที่ผิว ส่วนใหญ่จะเกิดเฉพาะบริเวณขา รวมทั้ง อวัยวะในส่วนที่อยู่ต่ำๆ
นอกจากนี้คนไข้ที่นอนนานๆไม่เคลื่อนไหว หรือคนที่โดยสารเครื่องบินนานๆ ไม่ขยับตัวเลย ก็อาจเกิดการอุดตันเส้นเลือดดำได้ ถ้าเป็นไม่มากและไม่บ่อยก็จะไม่เกิดอาการ แต่ถ้าเกิดการอุดตันขึ้นมาจะส่งผลให้เกิดการรั่วของวาล์วในเส้นเลือดดำที่มีผลต่อการเปิดปิดขณะจังหวะการบีบส่งเลือดดำกลับสู่หัวใจ คือ เมื่อจังหวะการบีบเพื่อสร้างแรงดันส่งเลือดดำกลับหัวใจ แต่เมื่อไรก็ตามที่วาล์วในเส้นเลือดเสีย จะทำให้เส้นเลือดดำเส้นลึกรั่วจะทำให้เลือดดำรั่วไปยังเส้นเลือดดำเล็ก ทำให้เลือดกลับไปคลั่งบริเวณผิวหนัง
คนไข้ที่มาพบแพทย์จะมาด้วยความวิตกกังวลในเรื่องของความสวยความงาม จึงมักมาพบแพทย์ในระยะที่ปรากฏเส้นเลือดใยแมงมุม และไม่มีอาการอะไรมาก่อน เพียงแต่อาจจะมีอาการเมื่อยนานๆ หรือเมื่อยเรื้อรัง เรียกว่า เป็นอาการปวดเมื่อยเส้นเลือดขอด จึงเป็นอาการเมื่อยที่ไม่หายขาด โดยคนไข้อาจจะแก้เมื่อยด้วยการนอนยกขาสูง หนุนเท้า เมื่อตื่นเช้ามาอาการหายไปแต่พอตกเย็นอาการปวดเมื่อยก็กลับมาอีก หากทิ้งไว้อย่างนี้จะพบว่า ลักษณะเส้นเลือดที่เป็นใยแมงมุม จะเริ่มโป่งพองนูนขึ้นมา และพบว่า ผิวหนังบริเวณด้านในตาตุ่มหน้าแข้งเริ่มดำไหม้ หรือมีอาการเป็นแผลดำไหม้เกิดขึ้น
ด้านการรักษา นพ.ภิเษก กล่าวว่า เริ่มจากให้ยา และใช้ถุงน่อง แต่คนไข้ที่เป็นเส้นเลือดใยแมงมุมจะรักษาโดยการใช้เลเซอร์โดยแพทย์ด้านผิวหนังจะเป็นผู้รักษา หรือการฉีดยาที่ทำให้เส้นเลือดฝ่อ แต่เมื่อไรที่คนไข้เป็นเส้นเลือดรั่วจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัด เพราะถือว่าการรั่วเป็นอาการที่รุนแรงที่สุด โดยจะต้องตรวจอย่างละเอียดด้วยการอัลตร้าซาวด์ รวมทั้ง ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด เพราะคนไข้บางรายต้องใช้เวลานานในการรักษา หากพบว่า เริ่มผิวหนังดำและเกิดแผลตามมา อันเกิดจากเลือดไปคลั่งทำให้มีอาการอักเสบหรือคันบริเวณนั้น เมื่อเกาบ่อยครั้งจะกลายเป็นแผลเรื้อรังรักษาได้ยากขึ้น
“การผ่าตัดก็เพื่อดึงเส้นเลือดนั้นออกมา ปัจจุบันมีการผ่าตัดด้วยการเจาะและใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง ซึ่งให้ความร้อนประมาณ 120 องศาเซลเซียส เพื่อทำลายเส้นเลือดที่เสียและเส้นเลือดบริเวณใกล้เคียง เมื่อไม่ได้ใช้งานก็จะยุบตัวลงเหมือนการปิดท่อน้ำ เมื่อท่อหนึ่งถูกปิดน้ำก็จะหาทางไหลไปยังช่องอื่นแทน”
ทั้งนี้โรคเส้นเลือดขอดไม่นำไปสู่การเป็นมะเร็ง แต่มีข้อยกเว้นในกรณีหากมีอาการบวมที่เท้ามากๆ และเกิดแผลเรื้อรังเป็นๆ หายๆ นานกว่า 10 ปี อาจมีความเสี่ยงจากการเป็นแผลเรื้อรังนำไปสู่มะเร็ง
ส่วนกรณีหญิงตั้งครรภ์ พบว่า มดลูกใหญ่จะไปกดเส้นเลือดบริเวณอุ้งเชิงกราน ฉะนั้น เลือดจะคั่งบริเวณขา ทั้งเส้นเลือดลึกและเส้นเลือดตื้นทำให้ออกมาที่ผิวมากขึ้นส่งผลให้เกิดเส้นเลือดขอดได้
“หากเป็นตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับมดลูกและฮอร์โมนเอสโตรเจนโปรเจสเตอโรนของคนไข้จะสูงมาก ซึ่งฮอร์โมนนี้ทำให้กล้ามเนื้อหลอดเลือดขยายตัว ถ้าเป็นนานๆ เส้นเลือดจะขยายส่งผลให้วาล์วที่เคยปกติอาจจะเสียไปได้ตอนตั้งครรภ์ เมื่อวาล์วทำงานไม่ดีอาจเกิดแผลเป็นในเส้นเลือด เมื่อคลอดลูกเรียบร้อยแล้วระบบการทำงานในร่างกายทุกอย่างเป็นปกติ แต่เมื่อวาล์วเสียไปแล้วจะไม่กลับมาเป็นปกติอีก ยกเว้น ถ้าไม่บวมมาก แต่หากผ่านไปนานมากกว่า 6 เดือน แล้วยังไม่หายควรพบแพทย์เพื่อรักษาต่อไป”
ในระยะแรกอาจเริ่มรักษาด้วยการใส่ถุงน่องทางการแพทย์ที่มีความดัน ประมาณ 20-30 มิลลิเมตรปรอท เพื่อรักษาเบื้องต้น ซึ่งความดันในระดับนี้กำหนดมาเพื่อให้ช่วยบีบผิวหนังบริเวณนั้นไม่ให้โป่ง เพื่อให้เลือดกลับไปยังเส้นเลือดตามเส้นทางเดิม ในส่วนของแผลที่ดำบริเวณหน้าแข้ง เมื่อรักษาด้วยการผ่าตัดเส้นเลือดแผลก็จะหายไปในที่สุด โดยเฉพาะถ้ารู้สาเหตุและรักษาตรงจุด ส่วนการผ่าตัดเส้นเลือดขอดจากการอุดตัน จะไม่ผ่าตัดเพราะการรักษาวาล์วเส้นเลือดทำได้ยาก
แพทย์จะรักษาด้วยการให้ยารับประทาน
อย่างไรก็ตาม การป้องกันเบื้องต้นควรหมั่นดูแลตัวเองด้วยการการออกกำลังกาย เช่น การเดินซึ่งจะเป็นการทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น รวมทั้ง ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ผู้หญิงควรสวมรองเท้าส้นเตี้ยซึ่งจะเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และหลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งนานๆ ถ้าหากต้องนั่งนานๆ ให้บริหารข้อเท้าด้วยการหมุนตามเข็มและทวนเข็มนาฬิกาสลับกัน หรือเหยียดเท้าและกระดกเท้าขึ้นลง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและการไหลเวียนของเลือดไม่ให้อุดตัน เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเส้นเลือดขอดได้.
ปรับอารมณ์แจ่มใสช่วยให้โครงสร้างร่างกายแข็งแรง - เคล็ดลับสุขภาพดี
เคยสังเกตหรือไม่ว่าคนที่อารมณ์ดี จิตใจแจ่มใส มักจะเป็นคนที่มีความสุข ร่างกายกระปรี้กระเปร่า มีใบหน้าและแววตาสดใส ส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งไม่ใช่แค่อารมณ์ดีจะมีผลต่อสุขภาพเท่านั้น แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าอารมณ์ดียังมีผลต่อโครงสร้างร่างกายของเราอีกด้วย
เพ็ญพิชชากร แสนคำ Clinical Director สถาบันปรับโครงสร้างร่างกายอริยะ ให้ความรู้ถึงเรื่องดังกล่าวว่า อารมณ์เป็นตัวกำหนดพฤติกรรมต่างๆ ที่แสดงออกมา เช่น คนที่มีความสุขจะมีหน้าตาที่สดใส พฤติกรรมการยืน เดิน นั่ง ก็จะสง่าผ่าเผย ต่างจากคนที่มีอารมณ์หดหู่ จะนั่งไหล่ตก ตัวงอ ส่งผลให้โครงสร้างร่างกายมีการผิดรูปไปจากเดิม ดังนั้นอารมณ์ของเราจึงสามารถกำหนดพฤติกรรมการแสดงออกทางร่างกายได้และล้วนแต่มีผลต่อโครงสร้างของร่างกายทั้งสิ้น
อาทิเช่น “อารมณ์โกธร ตกใจ และหวาดกลัว” จะมีพฤติกรรมหายใจถี่ หัวใจเต้นแรง และเร็ว ทั้งนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในร่างกายที่เรียกว่า “Cortisol” ฮอร์โมนที่ทำให้เลือดมีการเกร็งตัว กล้ามเนื้อต่างๆ เกร็งตัวมากกว่าปกติ โดยเฉพาะที่บริเวณท้ายทอย ซึ่งมีผลต่อการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมอง ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองน้อยลง คนกลุ่มนี้มักมีอาการปวดเมื่อยหัวและหนักหัว
ส่วนใครที่มี “อารมณ์เสียใจ ร้องไห้ ซึมเศร้า” จะมีผลต่อกล้ามเนื้อในการหายใจ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อระหว่างซี่โครงที่ทำหน้าที่ยกซี่โครงขึ้นเวลาเราหายใจเข้า ทำให้ปอดขยายได้เต็มที่ แต่คนในกลุ่มอารมณ์นี้กล้ามเนื้อเหล่านี้จะเกร็งตัวมากทำให้หายใจไม่อิ่ม แน่นหน้าอก การไหลเวียนของออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงร่างกายถูกจำกัด และที่สำคัญคนกลุ่มนี้จะอยู่ในท่าทางคอตก อกพับ ซึ่งไหล่จะงุ้มไปด้านหน้าและค่อมหลังมากกว่าปกติ
เมื่อเป็นนานเข้าจะทำให้การหายใจและการทำงานของปอดลดลงอาจทำให้เกิดโรคร้ายแรง
ส่วนผู้ที่มี “อารมณ์เครียด” เป็นอารมณ์ที่คนทั่วไปมักปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้เป็น แต่ความจริงแล้วจิตใต้สำนึกเป็นอยู่ คนกลุ่มนี้จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในระยะยาว ทำให้ไม่สามารถทนต่อสิ่งเร้าต่างๆ ที่มากระทบได้ เมื่อสะสมเข้าก็จะกลายเป็นคนหงุดหงิดและโมโหง่าย ส่งผลต่อโครงสร้างร่างกายโดยตรง คือ กล้ามเนื้อตัวจะตึงรั้ง หดเกร็งมากกว่าปกติ บาดเจ็บง่าย โดยเฉพาะกล้ามเนื้อมัดเล็กที่บริเวณต้นคอ ส่งเสริมให้มีอาการปวดคอ มึนศีรษะ และเสี่ยงเป็นโรคกระดูกคอเสื่อมได้ง่าย
และผู้ที่มี “อารมณ์ดี” คนกลุ่มนี้จะมีท่วงท่าที่สง่าผ่าเผย หลังตั้งตรง อกผาย ไหล่ผึ่ง การสูบฉีดของเลือดไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้ดี ฮอร์โมนในร่างกายเป็นฮอร์โมนที่ส่งเสริมให้มีภูมิต้านทานโรคภัยไข้เจ็บได้ดีด้วย แนวกระดูกก็จะเรียงตัวในความโค้งที่เหมาะสม อวัยวะต่างๆ อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องส่งเสริมให้ร่างกายทำงานดี
เมื่อทราบแบบนี้แล้วเราจึงควรดูแลรักษาตัวเองจากภายใน เพราะจิตใจที่แจ่มใสย่อมอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง โดยการพยายามปรับอารมณ์ที่เคยชินให้กลับมาร่าเริงแจ่มใสบ่อยๆ เพราะนอกจากจะช่วยให้มีสุขภาพดีแล้วยังช่วยให้โครงสร้างร่างกายแข็งแรงห่างไกลโรคร้ายอีกด้วยค่ะ
ทีมวาไรตี้
Source: http://www.dailynews.co.th/article/224/115265
คุณต้องการขายไตของคุณหรือไม่? หรือคุณกำลังมองหาโอกาสที่จะขายไตของคุณเพื่อเงินเนื่องจากการทำลายลงทางการเงินและคุณไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรแล้วติดต่อเราวันนี้และเราจะให้คุณจำนวนเงินที่ดีสำหรับไตของคุณ ฉันชื่อ (หมอ Elvis Whyte) เป็นนักประสาทวิทยาในโรงพยาบาลของเราผมเชี่ยวชาญในการผ่าตัดไตและเรายังจัดการกับการซื้อและการปลูกถ่ายไตกับชีวิตผู้บริจาคที่สอดคล้องกัน อีเมลติดต่อ: doctorelviswhyte@gmail.com
ตอบลบ