วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

เพราะฉันขัน ตะวันจึงขึ้น อย่าทำงานจนป่วยตาย อย่าหลงใหลตัวเอง

โดย ว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย

ที่วัดเซนแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น มีไก่อยู่ครอบครัวหนึ่ง หัวหน้าครอบครัวเป็นผู้บริหารที่เก่งมาก กางปีกปกป้องภรรยาและลูกทุกตัว อยู่กันมาอย่างมีความสุข ทุกๆ เช้าเวลาตีห้า ไก่ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวจะบินขึ้นไปเกาะอยู่บนกิ่งไม้ และโก่งคอขันเสียงก้องไปทั้งพงไพร ประมาณหกโมงเช้า พระอาทิตย์ก็จะอรุโณทัยฉายแสงขึ้นมาส่องแสงสว่างไปทั่วทั้งสากลโลก ไก่สี่ตัวนี้จะมีความสุขมากที่ได้เห็นตะวันค่อยๆ ทอแสงสุขสว่างขึ้นมา เขาจะยืนชื่นชมแสงตะวัน และก็ยืนภาคภูมิใจว่า เพราะฉันขันตะวันจึงขึ้น มีความสุข นี่คือผลงานของฉัน

ทุกๆ เช้าไก่ตัวนี้ก็จะบินขึ้นมาเกาะกิ่งไม้ และเมื่อขันเสร็จแล้วก็รอดูตะวันขึ้นที่เหนือยอดเขา พอตะวันขึ้นเสร็จแล้วก็บินกลับลงมาหาอยู่หากินกับลูกกับเมีย เขามีความสุขมาก

ต่อมาวันหนึ่ง เนื่องจากตรากตรำภาระหนักเหลือเกิน ร่างกายทนไม่ไหวก็ป่วย เช้าตรู่วันนั้นไก่ตัวนั้นก็บินขึ้นไปเกาะกิ่งไม้ที่เดิม ขณะจะขันเพื่อเรียกตะวันขึ้นก็ร่วงตกลงมา รู้สึกไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง ลูกชายซึ่งเป็นไก่โต้งคนรุ่นใหม่ไฟแรงเดินเข้ามาประคองพ่อ
“พ่อ ผมว่าถ้าพ่อขันไม่ไหว วันนี้ผมขันแทนเอาไหม”
ไก่พ่อซึ่งเป็นซีอีโอ ก็ยืดอกขึ้นมาชี้หน้าลูก
“น้ำหน้าอย่างแก ถ้าขันตะวันมันจะขึ้นไหม หัดดูเงาหัวตัวเองซะบ้างสิ”
เจอผู้ใหญ่ดับฝันแบบนี้ลูกหัวหดเลย

เช้าตรู่วันนั้นทั้งๆ ที่ป่วย ไก่ซีอีโอตัวนี้ก็บินขึ้นไปเกาะบนกิ่งไม้ และก็ขันครั้งสุดท้าย ขันได้ครั้งเดียว ตกลงมาดิ้นพราดๆ ก่อนจะขาดใจตาย เรียกประชุมผู้ถือหุ้นด่วน ทั้งภรรยาและลูกมากันครบ สั่งเสียว่า

“เธอที่รัก ลูกพ่อ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปพี่คงไม่มีชีวิตอยู่ต่ออีกแล้ว และจากนี้เป็นต้นไป พอพี่ไม่ขัน ตะวันก็จะไม่ขึ้น โลกก็จะเข้าสู่กลียุค ฉะนั้นขอให้เธอและลูกดูแลบริษัทของเราให้ดีๆ ถ้าไม่มีพี่แล้วจะอยู่กันด้วยความยากลำบาก มนุษยชาติก็จะถึงคราววิบัติ ดูแลกันดีๆ นะที่รัก”

เสร็จแล้วก็ล่วงลับดับขันธ์ไป พร้อมกับความเข้าใจผิดว่า เพราะฉันขันตะวันจึงขึ้น หารู้ไม่ว่าวันรุ่งขึ้น พอไก่ตัวนี้ตายไปแล้ว ตะวันก็ยังขึ้นเหมือนเดิม โลกดำเนินต่อไปไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไก่ตัวนั้นไม่ได้นำเอาตะวันไปด้วยสักนิด พระอาทิตย์ยังคงอุทัย พระจันทร์ยังคงทอแสง สายน้ำยังคงไหลเอื่อย ดอกไม้ยังคงผลิบาน โลกนี้ยังคงมีข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ นกก็ยังมีข้าวปลาอาหาร คนต่างๆ ก็ยังคงทำงานต่อไปได้เหมือนเดิม

ฉะนั้น ผู้บริหาร พนักงานทุกคน ทุกอาชีพ เมื่อเราบริหารงาน ทำงาน ไปได้ระดับหนึ่งแล้ว อย่าหลงตัวเองว่าองค์กรนั้นถ้าขาดฉันแล้วไปต่อไม่ได้ ควรเตือนตัวเองเอาไว้บ่อยๆ ว่า ถ้าขาดฉันแล้วมันจะไปได้ดี เพื่อจะได้ไม่หลงตัวเอง

ผู้บริหาร และผู้ทำงาน จำนวนมาก ทันทีที่ประสบความสำเร็จก็ล้มเหลวในวันนั้น เพราะทันทีที่ประสบผลสำเร็จก็เริ่มหลงตัวเอง
และนี่แหละคือจุดจบของผู้บริหาร ฉะนั้นจำนิทานเรื่องนี้ไว้ วันหนึ่งถ้าเราประสบความสำเร็จ ก็อย่าไปหลงตัวเองว่าเราต้องเป็นหนึ่งในตองอูเท่านั้น จนไม่ยอมบริหารจัดการอำนาจความรับผิดชอบให้กับผู้อื่นเลย

ผู้บริหารที่ดีจึงไม่ใช่ผู้ที่แบกหนักที่สุด ผู้บริหารที่ดีคือผู้ที่แบกหนักพอสมควร และกระจายภาระให้คนอื่นแบก และประการสำคัญที่สุด ผู้บริหารจะไม่ทำงานจนป่วยตาย

จากผู้เขียน ข้อคิดนี้มิใช่ใช้ได้กับผู้บริหารเท่านั้น ยังใช้ได้กับ ทุกหมู่เหล่าอาชีพ เพียงแต่อย่าคิดหลงเข้าข้างตัวเองว่า "ขาดฉันแล้ว เขาอยู่ไม่ได้" เพราะที่ผ่านมา เมื่อวันใดขาดใครไปเมือใด วันรุ่งขึ้นก็จะมีคนใหม่มาแทนที่ทันที ชีวิตก็ดำเนินไปอย่างปกติ ไม่มีใตรคิดถึงอดีต อย่าทำงานจนป่วยตาย อย่าหลงใหลตัวเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น