วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สุขภาพแข็งแรงได้ด้วยอาหาร-ชี่กง


โดย : หัวเฉียวแพทย์จีน

หัวเฉียวแพทย์จีน แนะนำวิธีดูแลสุขภาพอย่างง่าย อ้างอิงศาสตร์การแพทยืโบราณ ที่เน้นเรื่องอาหารคือยา ควบคู่กับการออกกำลังกายสไตล์ชี่กง

การป้องกันโรคเป็นสิ่ง ที่สามารถทำได้โดยง่าย เพียงหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และเมื่อพบว่ามีอาการผิดปกติก็ต้องรีบสังเกตความเปลี่ยนแปลงนั้นมากยิ่ง ขึ้น ทั้งนี้เพื่อขจัดหรือยับยั้งพัฒนาการของโรครวมถึงการประเมินและรักษาเฉพาะ จุดเป็นการขจัดการเติบโตของโรคอย่างถาวร

การป้องกันโรคสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระดับ คือ

1. การป้องกันโรคระดับแรก หมายถึง การส่งเสริมสุขภาพโดยทั่วไปรวมถึงการปกป้อง และต่อต้านการเกิดเฉพาะโรค ได้แก่ การให้ความรู้พื้นฐานด้านสุขอนามัย การรับประทานอาหารเหมาะสมตามวัย การพัฒนาบุคลิกภาพ การทำงาน การพักผ่อน และนันทนาการอย่างเหมาะสม และการตรวจสุขภาพ

2. การป้องกันโรคระดับที่สอง หมายถึง การได้รับการวินิจฉัยในระยะแรกของโรคและได้รับการรักษาทันท่วงที ความรุนแรงของโรคที่เป็นมีระยะเวลาสั้นสามารถกลับสู่สภาวะของการมีสุขภาพดีได้อย่างรวดเร็ว

3. การป้องกันโรคระดับที่สาม เป็นการหยุดยั้งการขยายตัวของโรคและป้องกันความเสื่อมสมรรถภาพอย่างสมบูรณ์

ในหลายกรณีพบว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย เมื่อผู้ป่วยมาพบแพทย์หลังเกิดอาการป่วยจนเกินเยียวยา โดยให้เหตุผลต่อการไม่สังเกตความผิดปกติของร่างกาย เพราะต้องทำงานมากเกินไป ในท้ายที่สุดอาจต้องจ่ายค่ารักษาสูงเกินเหตุ หรือส่งผลถึงการสูญเสียชีวิต

สำหรับการบำรุงสุขภาพ ศาสตร์การแพทย์จีนเชื่อว่าการบำรุงสุขภาพด้วยยา หรือสารสังเคราะห์ทางเคมี ย่อมจะดีสู้การบำรุงสุขภาพด้วยอาหารไม่ได้ ดังนั้นการแพทย์จีนจึงเน้นการสร้างความเชื่อจนกลายเป็นวัฒนธรรมที่ว่า...ควร ให้”อาหาร”เป็น”ยา”บำรุงสุขภาพ...ซึ่งเริ่มตั้งแต่สมัย ราชวงศ์โจว หรือประมาณ 1000ปีเศษก่อนคริสต์กาล ประเพณีดั้งเดิมที่ให้การแพทย์และอาหารการกินประสานเข้าอันหนึ่งอันเดียวกัน นั้นก็มีปรากฎให้เห็นอยู่แล้ว ในหนังสือโบราณมีข้อเขียนจำนวนมากเกี่ยวกับการบำรุงสุขภาพด้วยอาหาร

เช่น เมื่อสมาชิกครอบครัวเป็นหวัด คนในบ้านก็จะต้มน้ำขิงและก้านของต้นหอมใส่น้ำตาลให้กิน ถ้าคนไข้ดื่มน้ำดังกล่าวนี้ในยามร้อน ก็จะทำให้ร่างกายมีออกเหงื่อ โดยทั่วไปมักจะได้ผล

เกี่ยวกับวิธีการบำรุงสุขภาพประจำวัน ชาวจีนมีข้อคิดเห็นว่า ควรจะกินขิงในยามเช้าและกินหัวผักกาดก่อนนอน นอกจากนี้เครื่องปรุงรส เช่น เกลือ น้ำส้ม และขิง ฯลฯ ล้วนมีประโยชน์ในการบำรุงสุขภาพทั้งสิ้น

นอกจากนี้ยังมีการสาธิตการออกกำลังกายในแบบ”ชี่กง” ซึ่งเป็นการฝึกฝนเพื่อเพิ่มพูนพลังชีวิตขึ้นในร่างกาย ทั้งนี้เพราะศาสตร์การแพทย์จีนเชื่อว่า มนุษย์ทุกคนมีพลังอยู่แล้ว มากบ้างน้อยบ้าง แตกต่างกันไป แต่เมื่อเป็นคนไข้ก็ย่อมมีพลังชีวิตเช่นนี้น้อยกว่าคนปกติ ผู้ที่ฝึก”ชี่กง”มาพอสมควร ก็มีจะพลังชีวิตที่สูงกว่าคนทั่วไป

ศาสตร์การแพทย์จีนได้กล่าวถึงความสำคัญของสมดุลและการไหลเวียน เหมือนกับน้ำที่ต้องหมุนเวียนผลัดเปลี่ยน เส้นของพลังงานในร่างกายที่มองไม่เห็นจะชักนำชี่ไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย ซึ่งชี่จะไปตามเลือด การอุดตันของเส้นพลังงานอาจทำให้เกิดความเจ็บปวดและโรคภัยต่างๆ ซึ่งรักษาได้ด้วยการฝังเข็ม การกดจุด และการออกกำลังการในแบบ”ชี่กง”

สำหรับในช่วงเวลานี้ ผู้คนมีความเครียดทางจิตใจมากกว่าปกติ (ผลกระทบจากการเมือง) ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการเสียสมดุลย์ของร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เป็นต้นเหตุของโรคทางร่างกายและจิตใจเนื่องจากความเครียด ตั้งแต่หงุดหงิดง่าย ปวดศีรษะ ไมเกรน ความดันเลือดสูง โรคหัวใจขาดเลือด ฯลฯ

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายเสียสมดุลย์ไป ก็เนื่องมาจากการทำงานที่มากเกินไปของระบบประสาทอัตโนมัติที่จะแสดงออกมาใน รูปของใจสั่น เหงื่อแตก ความดันโลหิตสูงขึ้น และฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต ซึ่งส่วนใหญ่จะเห็นได้ชัดที่หลอดเลือดส่วนปลายของมือและเท้า คนที่มีความเครียดจึงมีมือเท้าเย็น ซีด เป็นที่สังเกตได้ง่าย

“การฝึกชี่กง” จะเริ่มตั้งแต่การฝึกหายใจ โดยปกติแล้วการหายใจด้วยอก ชีพจรจะเต้นเร็ว เหนื่อยง่าย แต่ถ้าหายใจด้วยท้องชีพจรจะเต้นช้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ได้ว่าเป็นการกระตุ้นกะบังลม ที่กะบังลมจะมีเส้นประสาท ซึ่งจะส่งคลื่นไปที่สมอง ทำให้หลอดเลือดขยาย ความดันเลือดลดลง ชีพจรเต้นช้า หายใจช้า ต้องฝึกหายใจลงไปที่ท้องแทน

การฝึกชี่กงจะทำให้การไหลเวียนของเลือด ดีขึ้น ความเครียดลดลง ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองดีขึ้น อย่างไรก็ตามชี่กงมีกระบวนท่ามากมาย ผู้ฝึกจึงสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมกับตนเอง

บทความนี้เรียบเรียงจากการบรรยายเรื่อง การป้องกันโรคและการบำรุงสุขภาพโดยศาสตร์การแพทย์แผนจีน วิทยากรโดยแพทย์จีนหยางฉวนเหวี่ยน และนายสุวัฒน์ ลี้ชาญกุล รองผู้อำนวยการหัวเฉียวแพทย์จีน สำหรับผู้สนใจการบรรยายความรู้ทางสุขภาพเรื่องต่างๆ ซึ่งจัดทุกวันจันทร์สุดท้ายของเดือน สามารถสอบถามและสำรองที่นั่งเข้าร่วมฟังได้ที่คุณเพชรรา รักษ์สาคร โทร. 0-2223-1111 ต่อ102 และ 103

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/health/20100612/337137/สุขภาพแข็งแรงได้ด้วยอาหาร-ชี่กง.html

Nine reasons to drink green tea daily


By Michelle Schoffro Cook

Have you been wondering “what’s all the fuss about green tea?” Now you can stop wondering and start drinking ... green tea, that is. This flavorful beverage offers many health benefits to anyone who drinks it regularly. Green tea contains a potent plant nutrient known as epigallocatechin gallate, or EGCG, for short. But don’t fret, you don’t have to keep track of its chemical name to reap the health benefits.

Here are nine reasons to start drinking green tea or continue drinking it if you’re already hooked.

1. Green tea is a superb fat fighter. Its active ingredient, EGCG, increases the rate at which fat is burned in your body.

2. It targets belly fat. Research at Tufts University indicates that EGCG in green tea, like other catechins, activate fat-burning genes in the abdomen to speed weight loss by 77 percent.

3. Green tea keeps energy stable by balancing blood sugar levels. EGCG improves insulin use in the body to prevent blood sugar spikes and crashes that can result in fatigue, irritability, and cravings for unhealthy foods.

4. Research shows it may be helpful against lung cancer. In an April 2010 study published in Cancer Prevention Research, EGCG was found to suppress lung cancer cell growth.

5. Green tea may halt colorectal cancer. In numerous other studies, EGCG appears to inhibit colorectal cancers.

6. In research, it appears to cause prostate cancer cells to commit suicide. A March 2010 study in Cancer Science indicated that EGCG aids the body by causing prostate cancer cells to commit suicide.

7. Green tea may prevent skin damage and wrinkling. EGCG appears to be 200 times more powerful than vitamin E at destroying skin-damaging free radicals. Free radicals react with healthy cells in the body, causing damage, so lessening their numbers may help reduce wrinkling and other signs of aging.

8. It contains a potent antioxidant that kills free radicals. Because it is a potent antioxidant green tea can positively impact a lot more than skin cells. Free radicals are increasingly linked to many serious chronic illnesses like arthritis, diabetes, and cancer.

9. Green tea tastes good. If you’re not wild about the flavor, try a few different kinds. Try it iced or hot. Add some of the natural herb stevia to sweeten it if you want a sweeter drink. I wasn’t crazy about green tea the first few times I tried it, but now I love it with a fresh squeeze of lemon and a few drops of stevia over ice -- et voila! Green tea lemonade.

http://shine.yahoo.com/event/green/nine-reasons-to-drink-green-tea-daily-1609132/

วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553

คำสอนดีๆ ของหลวงพ่อชา

หลวงพ่อชา… “คนเลี้ยงไก่”

มีคนเลี้ยงไก่ 2 คน

คนที่ 1 ทุกเช้าจะเอาตะกร้า เข้าไปในโรงเรือนเลี้ยงไก่ แล้วก็เก็บ "ขี้ไก่" ใส่ตะกร้ากลับบ้าน!!แล้วทิ้งไข่ไก่ให้เน่าไว้ในโรง
เรือน เมื่อเขาเอาขี้ไก่กลับถึงบ้าน ทั้งบ้านก็เหม็นหึ่ง ไปด้วยกลิ่นขึ้ไก่ !!! คนทั้งบ้านต้องทนกับกลิ่นเหม็น!!!

คนเลี้ยงไก่คนที่ 2 เอาตะกร้าเข้าไปในโรงเรือนเลี้ยงไก่ เก็บไข่ไก่ใส่ตะกร้าเอากลับบ้านเขา เอาไข่ไก่ลงเจียว กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบ้าน คนทั้งบ้านได้กินไข่เจียวแสนอร่อย ไข่ไก่ที่เหลือ เขาก็เอาไปขาย แล้วได้เงินมาใช้จ่ายในบ้าน ทุกคนในบ้านมีความสุขมาก.....

ในชีวิตของเรา พวกเรา เป็นคนเก็บ "ไข่ไก่ " หรือ เก็บ"ขี้ไก่"

เรา เป็นคนเก็บ "ขี้ไก่"โดยเฝ้า แต่เก็บ เรื่องร้ายๆ แย่ๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเราไว้ในหัวของเรา และมีความทุกข์ตลอดเวลาที่คิดถึงมัน!!!

หรือเราเป็นคนที่เก็บ"ไข่ไก่"เราจดจำสิ่งที่ดีๆที่เกิดในชีวิตของเรา และมีความสุขทุกครั้งที่คิดถึงมัน!!

คนเราส่วนใหญ่ชอบเป็นคนเก็บ "ขี้ไก่" เราถึงต้องเป็นทุกข์ตลอดเวลา เรื่องความเสียใจ ความผิดพลาด ความเจ็บใจฯลฯ
มักจะติดอยู่ในใจของเรานานเท่านาน

ถ้าเราอยากมีความสุขในชีวิต เลือกเก็บ"ไข่ไก่"กับชีวิต ทิ้ง "ขี้ไก่"ไปเถอะ ชีวิตของเราจะได้มีความสุขซักที...