วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

ธรรมดลใจ

หลังจากทำงานมาทั้งวัน
เวลานอนควรเป็นเวลาพักผ่อนทั้งกายและใจของเราอย่างแท้จริง
อย่าปล่อยให้งานการและเหตุการณ์ต่างๆที่พานพบมาตลอดวัน
ตามมารบกวนเรากระทั่งในยามหลับ
จนกลายเป็นฝันร้ายหรือนอนไม่หลับกระสับกระส่ายไปทั้งคืน

ก่อนนอนนอกจากอาบน้ำชำระเหงื่อไคลออกไปจากร่างกายแล้ว
ควรหาเวลาชำระจิตใจให้ปลอดพ้นจากเรื่องกังวลใจด้วย
โดยการนั่งสมาธิ ทำใจให้สงบ
มีลมหายใจเข้าและออกเป็นที่พักพิงของจิต
ไม่ว่าความรู้สึกนึกคิดใดๆจะผุดขึ้นมาก็รู้แล้ววางเสีย
มีสติรู้ตัวอย่างต่อเนื่อง
แต่หากมีเรื่องรบกวนจิตใจมาก
ก็ลองหางานอื่นให้จิตทำก่อน เช่น สวดมนต์
เมื่อความฟุ้งซ่านลดลงแล้ว จึงค่อยมานั่งสมาธิก็ได้

การเตรียมใจอีกอย่างหนึ่งที่ควรทำก่อนนอนก็คือ
เตือนใจว่าชีวิตของเรานั้นไม่เที่ยง
สักวันหนึ่งเราก็ต้องจากโลกนี้ไป
วันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่เราไม่อาจรู้ได้
คืนนี้อาจเป็นคืนสุดท้ายของเรา
เราควรใช้ช่วงเวลาก่อนนอนนี้
ฝึกใจปล่อยวางผู้คนและสิ่งต่างๆ ใหม่ๆอาจทำได้ยาก
แต่เมื่อทำบ่อยๆก็จะปล่อยวางได้ง่ายขึ้น

สุดท้ายก็ควรแผ่บุญกุศลและความปรารถนาดี
ไปให้แก่ผู้มีบุญคุณกับเรา ไม่จำเพราะพ่อแม่ ครูบาอาจารย์
แต่ควรรวมไปถึงมิตรสหาย เพื่อนร่วมงาน
รวมทั้งแผ่ไปยังสรรพชีวิตที่ช่วยเกื้อกูล
ให้เรามีชีวิตได้อย่างผาสุขสวัสดี
นอกจากนั้นควรแผ่เมตตาไปยังคู่กรณี
หรือผู้ที่ทำความขุ่นข้องหมองใจแก่เรา
ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้หรือไกล
ขอให้เขาเหล่านั้นมีความสุข ปลอดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง
เมตตาที่ปลุกขึ้นมาในใจ
จะช่วยดับความเร่าร้อนในจิตใจ
ระงับความโกรธเกลียดที่ติดค้างมาตลอดวัน
ช่วยให้เราสงบเย็น
และสามารถหลับได้อย่างมีความสุข
พร้อมจะตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่
ด้วยกายที่สดชื่นและใจที่แจ่มใส

เรียบเรียงจากบทความของ พระไพศาล วิสาโล